กะละแมเปื้อนดิน
"อุ่นใดๆ โลกนี้ไม่มีเทียบเทียม อุ่นอบอ้อมแขน อ้อมกอดแม่แต่ก่อน
รักเจ้าจึงผูก รักลูกแม้เฝ้าห่วงใย ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียง ครึ่งวัน......"
แว่วเสียงเพลงนี้ผ่านวิทยุในช่วงวันแม่
นอกเหนือจากแม่แล้วก็ยังนึกถึง ค่ายๆหนึ่ง
ค่ายที่ทำให้เราไม่ได้กลับไปไหว้แม่ในช่วงวันแม่
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นักหรอก
สำหรับคนที่ รักแม่อยู่เสมอ...
ต่อไปนี้ คือริวค่ายเลขครั้งที่ 7
พี่น้องคนใดช้ำใจ ต่อรีวิวนี้ อยากจะด่า สาปแช่ง
ก็ขอให้กดคอมเมนท์ แล้วละเลงได้ตามสบาย
หรือพี่น้องคนใดอยากช่วยรีวิวให้สมบูรณ์ๆๆๆไปอีก
ก็เชิญตามสะดวกเช่นกัน...
(จะขอใช้ตัวหนังสือเล็ก เนื่องจากมีเรื่องจะเขียนค่อนข้างมาก)
ครั้งแรกสุดที่ได้ไปดูน้องคือ ครั้งที่ซ้อมย่อยๆ ในห้อง
ขอบอกเลยว่า วันนั้นเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นไม่กี่วัน แต่ก็รีบบึ่งไปโรงเรียน
เพราะคิดว่าน้องคงซ้อมกันเกือบเรียบร้อยแล้ว ถ้าหล่นตรงไหนจะได้ไปช่วย
แต่พอไปเห็น งงมาก.....คือไม่รู้จะเริ่มช่วยตรงไหนก่อนดี!
ไม่ใช่ว่าน้องทำงานกันไม่ดี แต่น้องไม่สามัคคีกันเลย
เต้นก็ยังจะไปคนละทิศ ละทางแต่ แต่ไอ้ที่ไม่เต้นนี่...
ถ้าไม่เกรงใจอาจารย์ พี่จะเดินเข้าไปแล้ว ตบเข้ากบาลให้ดังๆ ซักคนละที
แล้วจะถามว่า "พวกมึงเต็มใจไหม? ถ้าไม่ นู่น!...ประตู"
(ที่เห็นๆ คือ ไอ้2ป๊อปกับเพื่อนอีกคนแต่พี่ไม่รู้จักชื่อ)
ผ่านวันนั้นไป พี่ก็งงๆ คืองงว่า อาจารย์ปล่อยให้มาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร
และที่งงกว่าคือ มาถึงขั้นนี้แล้วจะไปต่อยังไง แต่ที่งงที่สุดคือ...
ไอ้เด็กค่ายเลข ม.หกเนี่ย ทำไรกันอยู่?
พี่เคยพูดกับน้องปีที่แล้วไว้ว่า
"เด็กค่ายเลขก็เหมือนกาละแม โดนจับแยก
ก็ยังจับมารวมเป็นเนื้อเดียวกันได้ใหม่ โดยไม่บุบสลาย"
แต่ตอนนั้น พี่รู้สึกว่าสิ่งที่พี่เคยบอกน้องไป เคยพูดไป
มาถึงวันนี้จากสิ่งที่พี่เห็น น้องคงลืมคำพูดนั้นกันหมดแล้ว...สินะ
เพราะน้องทำตัวเหมือนกาละแมที่ตกสู่พื้น แล้วเปื้อนดิน
ซึ่งแม้จะขยำ จะปั้นอย่างไร มันก็จะไม่กลับมาเป็นเนื้อเดียวกันได้อีก
แตพี่ก็ไม่อยากว่าหรือพูดอะไรกับน้องตอนนั้น เพราะบารมีของอาจารย์
ที่เคยพูดกับพี่ไว้ว่า ถ้าทักอะไรไปแรงๆ แล้วน้องขาดกำลังใจ
น้องก็จะทำงานไม่ได้ดี ตลอดจนจบค่าย
(พวกแกก็เลยรอดตัวไป)
แล้วเรื่องถัดๆมา ตั้งแต่เรื่องซ้อมใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่หลายๆ รู้แล้ว (รุ่นพี่)
ปีนี้พี่เองยอมรับว่าพูดกับน้องเยอะมาก...เยอะกว่าปีไอ้แก่มาก (ปีไอ้แก่พี่ด่าไม่ได้พูดว่ะ)
อาจจะมีคนคิดว่าพี่ดุ แต่ไปถามพี่รุ่นก่อนเลยว่าปีที่แล้วเนี่ยสุดๆ...โดนกันยิ่งกว่านี้
(ทั้งโดนพี่ โดนพี่เน๊า โดนพี่ต้น โดนพี่นุ รุมสกรัมคิดเอาเองล่ะกัน เละไม่เละฮ่าๆ)
ไม่ใช่ว่าเพราะ มีอาจารย์อยู่ด้วย แต่เพราะพี่เจ็บคอ...อ๊ะไม่ใช่และ
แต่เพราะถ้าพูดแรงๆ พี่ม.หกอาจจะยิ่งแย่กว่าเดิม (จากที่แย่ๆอยู่แล้ว)
ขอบอกเลยว่า รู้ว่า พี่ม.หกพยายามมากๆ แต่ถึงจะพยายามแค่ไหน
พวกนายก็มีประสิทธิภาพแค่ 50% เท่านั้นเอง เพราะนายขาดน้องๆไป
จนวันสุดท้าย ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี
แต่รู้ไว้ซะว่า ไม่ใช่เพราะโชคช่วย หรือโชคดี
แต่เป็นเพราะ พวกเราทุกคน พยายาม อย่างที่สุด
"หยาดเหงื่อ และน้ำตาที่ไหล ของใครหลายคน
คงเป็นสิ่งที่จะล้างดิน ที่เปรอะใจใครอีกหลายคนในที่สุด"
พี่รู้สึกดีว่ะ รู้สึกภูมิใจ...
ไม่ใช่ว่าเพราะน้อง มีความสามารถ หรือไม่ใช่เพราะน้องเรียนเก่ง
แต่เพราะน้องเป็นน้อง เป็นน้องที่พี่สอนได้ เป็นน้องที่รู้จักโต
และน้องเป็นคนเสียสละ คือสิ่งที่พี่ภูมิใจที่สุดกับน้องค่ายเลขปีนี้
พี่ๆ ทุกคนก็คงรู้สึกแบบเดียวกันกับพี่แน่นอน
บ่นมานานและไปดูรูปเก็บตกจากกล้องพี่กันดีกว่า
โหมดใบหน้า มีวิสัยทัศน์
เอิ๊กๆ อาจารย์พนิดาท่านเห็นด้วย...
แจ๊บๆ ซู๊ดดดดด! (ละเมอ:ผมเห็นด้วยคร๊าบ)
เอ้า 3,4 บูม..................................พะยูน
...บรรยายไม่ออก...
แฮะๆ สู้ตรายยยยย!
ร้องเพลงเพี้ยน แล้วแอบมางีบ อุอุ
ไอ้จูเนียร์ มันทำไรฟะ...?
ไ้อ้นี่ว่าแฝดแล้ว...
ไอ้นี่แฝดกว่า...(โปรดสังเกตุ จะชูมือก็เสือกชูคนละแบบ)
ไม่หวายแล้วค่ะ...
แอบอู้นี่หว่า!
ไอ้นิคให้หมาเลียมือ...หลังจากนั้น
หน้าบวมมมมมมไปเลย
หิวจังเยย...
ไอ้ชูสองนิ้วเนี่ย ที่ลาวเขาก็ฮิต!
...บรรยายไม่ออก
(ปิดท้ายด้วยรูปสี่ยอดมนุษย์ มีปกติคนเดียวคือไอ้อิ๊ก)
ใครอ่านมาถึงตรงนี้พี่ ก็ขอบคุณในความอดทน และพยายามอย่างมาก
และขอให้แอดมิดชั่นติดดังหวัง (ถ้าอ่านบล็อกยาวๆแบบนี้ได้ หนังสือก็แค่ของกล้วยๆ)
สุดท้ายที่พี่จะฝากเอาไว้
ไอ้เด็กม.ห้า ตั้งใจล่ะ จะกลับไปดูน่ะว้อย
ไอ้เด็กม.หก รักรุ่นน้องให้เหมือนที่พูดไว้ล่ะ
ไอ้เด็กรุ่นพี่รุ่นน้องหลายๆคน ถ้ามาค่ายแล้วไม่รู้จะช่วยอะไร
ก็มาบริจาคทรัพย์ให้ชมรมได้ แต่มาถ้ากินแล้วกลับแบบที่บางคนทำกันอยู่เนี่ย...แย่นะ
รุ่นพี่ รุ่นน้อง
พี่รู้ว่า รุ่นน้องบางคน มีปัญหากับรุ่นพี่บางคน
รุ่นพี่บางคน ก็มีปัญหากับรุ่นน้องบางคน
พี่ยอมรับว่าเรื่องนี้ แม้แต่ตัวพี่เอง ก็เคยมีปัญหากับรุ่นน้อง
และมันก็น่าจะยังคาอยู่ ถึงทำให้เจอกันแล้วมองหน้ากันไม่ติดเนี่ย...
แต่อยากจะบอกว่า การทะเลาะ การเคลียร์(ที่ฟังดูเท่ห์) มันไม่ใช่
การแก้ปัญหา แต่เป็นการทำให้ปัญหาไปถึงทางตัน และค้างอยู่แบบนั้น
ถ้าพอจะรู้สึกว่าทำผิดไป อะไรที่พอจะฟังได้ ทนได้ พูดได้ ก็รีบๆไปทำซะ
เพราะเมื่อเวลาผ่านไป น้องจะคิดอีกอย่าง คนที่น้องทะเลาะด้วยก็จะคิดอีกอย่าง
สมมุติว่าน้องคิดได้ว่าผิด ถึงตอนนั้นน้องก็ไม่กล้าขอโทษแล้ว
และคนที่เสียใจไปตลอดคือตัวเราเองที่ทำผิด.....อย่าให้มันถึงตอนนั้นเลยนะ
ลดฐิฑิกันลงบ้าง คนอ่อนกว่าก็ควรจะนอบน้อม ผู้ใหญ่กว่าก็ควรจะเมตตา
มันก็แค่นั้นเอง จริงๆ...
สุดท้ายที่พี่จะเตือน คือสิ่งที่พี่ไม่ได้เจอกับตัวเอง
แต่พี่คนอื่นเจอมา พี่อยากบอกและขอร้องกับน้องหลายคนตรงนี้เลยว่า "อย่าปีนเกลียว"
ขอโชคดีจงมีแต่ท่าน...สวัสดี
ป.ล. บล็อกครั้งนี้ยาวที่สุด เท่าที่เคยเขียนมาในชีวิตเลย ให้ตายสิ!
ป.ล.2 คนสำคัญอีกคนพี่แทบไม่ได้พูดถึงในค่ายเลยคือไอ้อั้ม
อยากชมว่าอั้มสันทนาการในค่ายได้ดีมากๆ อาจจะเป็นคนที่แม่นที่สุดในเรื่องนี้
พี่ขอบคุณนายมากๆ ที่แม้จะท้อจนเกือบท้อแท้ แต่ก็ไม่บ่นสักคำ...สู้ๆ นะไอ้น้อง
Comment Form under post in blogger/blogspot